top of page

Seller's solution
การตั้งราคาขาย
ขายได้หากรู้หลักการตั้งราคา
ราคามี 4 ประเภท
1) ราคาประเมินของกรมที่ดิน โดยทั่วไปราคาจะต่ำกว่าทุกประเภท
2) ราคาประเมินของธนาคาร เป็นราคาที่ใกล้เคียงหรือต่ำกว่า ราคาตลาด และราคาขายโดยทั่วไป
3) ราคาตลาด เป็นราคาเฉลี่ยโดยรวมของราคาขายโดยทั่วไป
4) ราคาที่ขาย ส่วนใหญ่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ตั้งราคาสูงกว่าราคาตลาด


ราคาตลาด หรือราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดมีโอกาสขายได้มากกว่า ดังนั้นขึ้นอยู่กับ ฐานข้อมูล ทักษะ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ของผู้ตั้งราคาขาย ที่สามารถ วิเคราะห์ตามความเป็นจริง กับราคาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ราคาที่ Win Win ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ โดยไม่มโนเอาเองทั้งสองฝ่าย
การตลาด
สร้างโอกาสเพื่อความสำเร็จบรรลุตามเป้าหมาย
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป้าหมายเพื่อขายทรัพย์ให้ได้ประสบความสำเร็จ ต้องมีการดำเนินการด้านการตลาด
แนวทางการตลาดที่นำไปคิดวิเคราะห์ ปฏิบัติ
1) การสำรวจข้อมูล
-
ราคา เพื่อหาข้อมูลว่าปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ในทำเลเดียวกัน ประเภทเดียวกัน เนื้อที่และพื้นที่ใช้สอยที่เท่ากัน หรืดใกล้เคียงกัน มีราคาเท่าไร เพื่อนำไปวีเคราะห์ ตั้งราคาขายที่เหมาะสม ( การตั้งราคา )
-
สภาพอสังหาริมทรัพย์ ของตนเองและรายอื่น เพื่อพิจารณาถึงคุณภาพของทรัพย์นั้น
-
ทำเลของทรัพย์เป็นอย่างไร
-
สภาพแวดล้อมรอบบริเวณที่ตั้ง
-
ความสะดวกสบายของสถานบริการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้ที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น
-
การคมนาคมเป็นอย่าไร
-
ความปลอดภัย
-
แนวโน้มโอกาสพัฒนาความเจริญในอนาคต
2) วิเตราะห์ข้อมูลที่สำรวจ โดยหา SWOT Analysis
-
จุดเด่น
-
จุดอ่อน
-
โอกาส
-
อุปสรรค
3) กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ที่มีความต้องการ เหมาะสม ตรงกับวัตถุประสงค์ในการซี้อ
-
ซื้อเพื่ออยู่อาศัย
-
ซื้อเพื่อการลงทุน
4) สร้างสื่อการตลาด และส์ื่อสารการตลาด โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท
-
Offline
-
Online
5) ประเมินผล และปรับปรุง
ปิดการขาย
อยากขายได้ วิธีปิดการขายให้สำเร็จควรทำอย่าไร
กระบวนการขั้นตอนการปิดการขาย :
1) การคัดกรองเบื้องต้นด้วยคำถาม สำหรับพิจารณากลุ่มเป้าหมาย
-
วัตถุประสงค์ในการซื้อ
-
ทำเลที่ต้องการ
-
Spec ที่ต้องการ
-
งบประมาณ
-
กู้ หรือเงินสด
-
ระยะเวลาที่กำหนดไว้เมื่อไร
-
ผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
-
ได้เลือกดูมากี่แห่งแล้ว เป็นอย่าไร
2) ข้อมูล
-
ต้องทราบความต้องการของลูกค้า คืออะไร
-
ทำไมจึงมีความต้องการเช่นนั้น
-
ปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณาในการตัดสินใจ
3) การนำเสนอ
-
ตอบโจทย์ตรงความต้องการ
-
สามารถสนองตอบปัญหา หรือได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
4) การเจรจาต่อรอง ปิดการขาย
-
เสนอผลประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อได้เห็นคุณค่า
-
เสนอการสูญเสีย เมื่อพลาดโอกาส
-
เสนอการรีบตัดสินใจ ด้วยระยะเวลา
สินเชื่อ
บริการประเมินสินเชื่อเบี้องต้น ช่วยให้ทราบศักยภาพทางความสามารถในการขอสินเชื่อให้กับลูกค้า และให้คำปรึกษาเพิ่มเติมได้
สูตรคำนวณเบื้องตัน
-
เงินเดือน X จำนวนเงินผ่อนที่มีศักยภาพรับได้ 40% = จำนวนเงินผ่อนที่รับได้
-
จำนวนเงินผ่อนที่รับได้ - หนี้สินปัจจุบันที่ต้องชำระต่อเดือน = ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือน
-
ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือน X อัตราส่วนยอดเงินผ่อนชำระต่องวด ( วงเงินกู้ 1,000,000 บาท : การผ่อนชำระ 7,000 บาท)
เพราะฉะนั้น : ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือน X 1,000,000 / 7,000 = วงเงินกู้สูงสุดในการกู้ซื้อบ้าน
ตัวอย่าง
เงินเดือน 60,000 บาท
หนี้สินปัจจุบันที่ต้องชำระต่อเดือน รถยนต์ 10,000 บาท
บัตรเครดิต 2,000บาท
รวมหนี้สินทั้งหมด = 12,000 บาท
60,000 X 40% = 24,000 บาท - 12,000 บาท = 12,000 บาท
12,000 บาท X 1,000,000 บาท / 7,000 บาท = ( วงเงินกู้สูงสุดในการกู้ซื้อบ้าน ) 1,714,285 บาท
โดยผ่อนชำระเดือนละ 12,000 บาท
เอกสาร
เตรียมเอกสารสำหรับทำนิติกรรมการโอนของบุคคลธรรมดา : สำหรับผู้ขาย
1) หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
2) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขาย และคู่สมรส
3) สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขาย และคู่สมรส
4) หนังสือยินยอมของคู่สมรส
5) สำเนาใบทะเบียนสมรส
6) หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน )
7) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านขอผู้รับมอบอำนาจ
8) ใบปลอดภาระหนี้จากนิติบุคคล (กรณีห้องชุด)
เตรียมเอกสารสำหรับทำนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ของนิติบุคคล : สำหรับผู้ขาย
1) หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
2) หนังสือรับรองนิติบุคคต อายุไม่เกิน 1 เดือน
3) บัญชีรายชื่อผู้ถ์อหุ้น อายุไม่เกิน 1 เดือน
4) รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท
5) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
6) หนังสือแสดงตัวอย่างลายมือชื่อกรรมการ
7) หนังสือมอบอำนาจ ( กรณีมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน )
8) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ
9) ใบปลอดภาระหนี้จากนิติบุคคล ( กรณีห้องชุด )
ทำนิติกรรม
อยากรู้ค่าใข้จ่าย และขั้นตอนการทำนิติกรรมการโอน ณ สำนักงานที่ดิน
การเตรียมพร้ อมค่าใช้จ่ายโอนที่ดิน : สำหรับผู้ขาย
1) ค่าคำขอโอนที่ดิน 5 บาท
2) ค่าอากร 5 บาท
3) ค่าพยาน 20 บาท
4) ค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดิน 2 % ของราคาประเมินหรือราคาขาย โดยใช้ราคาสูงสุดในการคำนวณ
5) ค่าจดจำนองจากการกู้เงินธนาคาร คิด 1 % ของมูลค่าที่จดจำนอง แต่ไม่เกิน 100,00 บาท
6) ค่าอากรแสตมป์ คิด 0.5 % ของราคาซื้อขาย แต่หากต่ำกว่าราคาประเมิน ให้ใช้ราคาประเมินในการคำนวณ
แต่ถ้าเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์
7) ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ คิด 3.3 % ของราคาซื้อขาย แต่หากต่ำกว่าราคาประเมิน ให้ใช้ราคาประเมินในการคำนวณ
สำหรับ ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าอากรแสตมป์ ชึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ว่า ตกลงกันอย่างไรว่าใครเป็นผู้จ่าย
8) ค่าภาษีเงินได้ ( ผู้ขาย )
ขั้นตอนการทำนิติกรรมการโอน ณ สำนักงานที่ดิน
1) จองคิวรอพบเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
2) กรอกคำขอ พร้อมแนมเอกสารทั้งหมด
3) นำคำขอและเอกสาร ยื่นกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เมื่อผ่านการตรวจสอยเอกสาร เจ้าหน้าที่จะให้บัตรคิว เพื่อไปรอ เรียกที่ฝ่ายชำนาญงาน
4) เมื่อถึงคิว ผู้โอนและผู้รับโอนต้องลงลายมือชื่อในเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ชำนาญงาน
5) เจ้าหน้าที่ชำนาญงานจะประเมินราคาที่ดินและนำไปใช้คำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการโอนที่ดิน เมื่อทราบยอดค่าใช้จ่าย
แล้ว จะได้รับใบคำนวณค่าใช้จ่ายจากเจ้าหน้าที่
6) ให้นำใบคำนวณค่าใช้จ่ายไปชำระเงินที่ฝ่ายการเงิน จากนั้นจะได้รับใบเศร็จสีฟ้าและสีเหลือง
7) ให้มอบใบเสร็จสีเหลืองให้เฝ่ายจ้าหน้าที่ชำนาญงาน และรับใบเสร็จสีฟ้าจากผู้ขาย ( ตัวจริงผู้ขายเก็บรักษา )
8) เจ้าหน้าที่ชำนาณงานจะพิมพ์สลักหลังโฉนดและมอบให้ตรวจสอบ เมื่อโฉนดถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับโฉนพร้อม
สัญญาซื้อขาย ( ทด.13 ) ซึ่งถือว่าสิ้นสุดขั้นตอนการโอนที่ดิน และกรรมสิทธิ์ของที่ดินก็ถือว่าเป็นของผู้ซื้อหรือผู้รับ โอนโดยสมบูรณ์
bottom of page